บาคาร่าออนไลน์ กรมควบคุมโรคเตือน กินลูกเนียงมาก เสี่ยงอันตรายต่อไต

บาคาร่าออนไลน์ กรมควบคุมโรคเตือน กินลูกเนียงมาก เสี่ยงอันตรายต่อไต

ลูกเนียง – กรมควบคุมโรค เผยแพร่พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพ บาคาร่าออนไลน์ ฉบับที่ 266 เตือนประชาชนระวังป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษจากการรับประทานพืช โดยเฉพาะ “ลูกเนียง” ที่ในช่วงนี้เริ่มให้ผลผลิตและออกสู่ตลาด หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการป่วยจากอาหารเป็นพิษได้

ลูกเนียงคืออะไร รู้จักลูกเนียง พืชผักยอดฮิตทางใต้ ตู้ เดอะวอยซ์ ป่วยกะทันหัน ฉี่ไม่ออก เหตุกินลูกเนียงเยอะ

จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรคในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2559-2563 พบเหตุการณ์อาหารเป็นพิษจากการรับประทานพืชทุกปี รวม 7 เหตุการณ์ จำแนกเป็นพิษจากกลอย 3 เหตุการณ์ พบผู้ป่วยรวม 65 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย พิษจากสบู่ดำ 1 เหตุการณ์ ผู้ป่วย 5 ราย พิษจากว่านจักจั่น 2 เหตุการณ์ มีผู้ป่วย 2 ราย และล่าสุดพบจากพิษลูกเนียง 1 เหตุการณ์ มีผู้ป่วย 1 ราย

เหตุการณ์ลูกเนียงเป็นพิษเกิดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้ป่วยกินลูกเนียงดิบปริมาณมากจนมีอาการปวดหน่วงท้องน้อย ปัสสาวะลำบากมาก เป็นเลือดแดงสด และไม่กี่ชั่วโมงต่อมาปัสสาวะไม่ออก ผลตรวจปัสสาวะพบตะกอนเหลืองขุ่น เมื่อส่องกล้องจุลทรรศน์พบผลึกรูปเข็มของกรดอะมิโน ชื่อ กรดเจงโคลิค และมีเม็ดเลือดแดงปนออกมาจำนวนมาก ก่อนตรวจเลือดพบว่ามีภาวะไตวายเฉียบพลัน

การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทานลูกเนียงได้ เนื่องจากเป็นฤดูกาลที่ต้นลูกเนียงเริ่มให้ผลผลิตและออกสู่ตลาด

ลูกเนียง หรือ เมล็ดเนียง ภาคใต้นิยมกินกับน้ำพริกหรือแกงพุงปลา หรือนำมาต้มทำของหวาน ส่วนที่นำไปกินคือ เมล็ดข้างในเปลือก มีกลิ่นฉุน รสชาติมัน อร่อย กินได้ทั้งผลอ่อนและแก่ ลูกเนียงมีสรรพคุณช่วยควบคุมเบาหวาน และขับปัสสาวะ แต่ในด้านความเป็นพิษพบว่ามีสารพิษที่เรียกว่า “กรดเจงโคลิค” เป็นกรดอะมิโนที่มีกรดกำมะถันสูงมาก สารพิษชนิดนี้จะทำลายระบบประสาทของไตให้เสื่อมลง หากอาการรุนแรงจะทำให้ไตล้มเหลวจนถึงเสียชีวิตได้

อาหารเป็นพิษจากลูกเนียงโดยทั่วไปพบได้น้อย โดยรายที่มีอาการพบว่ากินลูกเนียงดิบปริมาณมาก แล้ว 2-14 ชั่วโมงต่อมา จะมีอาการทางไต ปวดบริเวณขาหนีบ ปัสสาวะลำบากและปวดปัสสาวะมาก น้ำปัสสาวะขุ่นข้นเป็นสีน้ำนม และอาจปัสสาวะเป็นเลือด บางรายมีอาการปวดท้องเป็นพัก ๆ ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน ในรายที่รุนแรงขึ้นอาจปัสสาวะไม่ออก ซึ่งเรียกว่าเป็น นิ่ว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า มัด และอาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้เองใน 3-4 วัน บางรายมีไข้ต่ำ ปัสสาวะน้อยและมีความดันโลหิตสูงได้

กรมควบคุมโรค ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการกินพืชที่เข้าใจว่ากินได้ ซึ่งหากกินในปริมาณมากเกินไปหรือไม่ทำให้พิษในพืชน้อยลงหรือหมดไป อาจทำให้เป็นอันตรายได้ ซึ่งวิธีการลดพิษในลูกเนียงให้น้อยลง คือ นำเมล็ดไปเพาะในทราย ให้มีหน่อต้นอ่อนงอกออกมา หรือนำเมล็ดไปต้มให้สุก หรือหั่นชิ้นบาง ๆ แล้วนำไปตากแดดก่อน และหากมีอาการสงสัยอาหารเป็นพิษจากลูกเนียง หรือหลังกินแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน มึนงง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

นายกฯ ขอบคุณชาวไทย หลังฟื้นตัวดีสุดอันดับ 1 ของเอเชีย-อันดับ 2 ของโลก

นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล ได้กล่าวผ่านเฟสบุคว่า นายกฯ ขอบคุณพี่น้องคนไทยทุกคน ที่มีระเบียบวินัย เข้มแข็งและอดทน ร่วมกันต่อสู้ต่อและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ประเทศไทยฟื้นตัวดีสุด ติดอันดับ1 ของเอเชีย อันดับ 2 ของโลก โดยดัชนีโควิด-19 โลก หรือ Global COVID-19 Index (GCI)

ซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดยสมาคม PEMANDU ภายใต้ความร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาเลเซีย (MOSTI) และกลุ่มบริษัทซันเวย์ ดำเนินการจัดอันดับ 184 ประเทศ ที่มีการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ได้ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามผลการจัดอันดับดังกล่าว พบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 1 ของเอเชีย และอันดับที่ 2 ของโลก การจัดอันดับจาก 184 ประเทศ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยได้คะแนนทั้งหมด 83.32 คะแนน จากทั้งหมด 100 คะแนน ส่วนอันดับ 1 เป็นของประเทศออสเตรเลียได้ 86.34 คะแนน

จากการจัดอันดับข้างต้น นายกรัฐมนตรี ขอขอบคุณพี่น้องคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ที่มีระเบียบวินัย เข้มแข็งและอดทน ร่วมกันต่อสู้ต่อและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา จนเป็นตัวอย่างประจักษ์แก่สายตาชาวโลก ทำให้ประเทศไทยได้คะแนนอันดับ 2 จากการการฟื้นตัวดีที่สุด

จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รัฐบาลทราบดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน แต่ทุกฝ่ายก็ได้ร่วมมือกันเป็นอย่างดีที่จะให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้

ทั้งนี้ GCI อธิบายว่าการจัดอันดับนี้ ให้น้ำหนักร้อยละ 70 กับการขับเคลื่อน และการเปลี่ยนแปลง ของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นรายวัน โดยพิจารณาจาก จำนวนผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ต่อประชากร, อัตราการหายป่วยต่อจำนวนผู้ติดเชื้อ, จำนวนการทดสอบหาเชื้อ ต่อผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยัน,จำนวนการตรวจสอบหาเชื้อต่อประชากรทั้งประเทศ

ส่วนอีกร้อยละ 30 พิจารณาจากข้อมูลทางสถิติ ที่เก็บรวบรวมมาจากดัชนีความมั่นคงทางด้านสุขภาพโลก (GHS) ที่เกิดขึ้นภายใต้การนำของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้นส์ ภายใต้การสนับสนุนจากมูลนิธิบิล และเมลินดา เกตส์ บาคาร่าออนไลน์